สะกดจิตย้อนอดีตชาติพ่อค้าออนไลน์: กลับไปค้นหา "ไฟในการทำงาน" จากวันที่เรายังไม่มีอะไรเลย

ปลุกไฟธุรกิจด้วยการ "สะกดจิตย้อนอดีตชาติ" ย้อนมองวันแรกจากตลาดนัดสู่แบรนด์ออนไลน์ บทเรียนล้ำค่าที่จะทำให้คุณกลับมามีพลังสู้ต่อได้อีกครั้ง

สวัสดีครับเพื่อนร่วมทางสายธุรกิจทุกคน...

วันนี้ผมไม่ได้จะมาคุยเรื่องเทคนิคยิงแอด หรือวิธีปรับแต่ง SEO เชิงลึกอะไรแบบที่คุยกันบ่อยๆ หรอกนะ แต่ช่วงนี้ผมเห็นหลายคนบ่นว่า "เหนื่อย" บ่นว่า "หมดไฟ" หรือบางคนขายดีแล้วแต่กลับรู้สึกว่างเปล่าแปลกๆ เหมือนทำไปวันๆ เพื่อรอปิดยอดสิ้นเดือน

เชื่อไหมว่า... บางทีการเดินไปข้างหน้าเร็วเกินไป มันก็ทำให้เราหลงลืม "บางสิ่ง" ที่สำคัญที่สุดไป

ผมเลยอยากชวนทุกคนมานั่งคุยกันสบายๆ วางมือถือลงสักแป๊บ แล้วลองจินตนาการตามผมดู เหมือนเรากำลังจะทำพิธี สะกดจิตย้อนอดีตชาติ กันเล่นๆ แต่ไม่ได้พาไปดูหรอกนะว่าเป็นทหารกล้าหรือนางสนมในยุคไหน แต่จะพา "ย้อน" กลับไปดูตัวเราเองในเวอร์ชัน "ผู้ประกอบการตัวเล็กๆ" ในวันที่เรายังไม่มีอะไรเลยต่างหาก

เพราะบางครั้ง... คำตอบของอนาคต มันซ่อนอยู่ในอดีตที่เราเกือบจะลืมมันไปแล้วครับ

ชาติปางก่อนของแบรนด์ : วันที่มีแค่ "โต๊ะพับตัวเดียว"

ถ้าถามถึง "อดีตชาติ" ของธุรกิจผมเหรอ? (หัวเราะ) บอกเลยว่าดูไม่จืด ภาพมันชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผมเริ่มต้นจากศูนย์... ไม่สิ ต้องบอกว่าเริ่มจากติดลบทางความรู้สึกด้วยซ้ำ

ในยุคที่ออนไลน์ยังไม่ใช่ทุกอย่างแบบวันนี้ ผมเริ่มจาก "ตลาดนัด" ครับ มีแค่โต๊ะพับตัวเดียว กับสินค้าที่แพ็กใส่ถุงพลาสติกบ้านๆ นั่งตบยุงรอลูกค้า ฝนตกทีก็วิ่งเก็บของกันจ้าละหวั่น แดดออกก็ร้อนจนเสื้อชุ่มเหงื่อ วันไหนขายไม่ได้เลยสักบาทก็มี ได้แต่นั่งมองหน้ากับแม่ค้าล็อกข้างๆ แล้วถอนหายใจ

ความลำบากในตอนนั้น ถ้าให้เล่าละเอียดๆ คงยาวเหมือนหนังดราม่า แต่มันมีเสน่ห์นะ มันคือช่วงเวลาที่เรามีความ "กล้า" มากที่สุด กล้าที่จะตะโกนเรียกลูกค้า กล้าที่จะยัดเยียดสินค้าใส่มือเขาให้ลองใช้ ความหน้าด้านหน้าทนในวันนั้นแหละ คือรากฐานของความสำเร็จในวันนี้

พอมองย้อนกลับไป มันเหมือนการ สะกดจิตย้อนอดีตชาติ ให้เห็นภาพตัวเองตอนหนุ่มๆ ที่เต็มไปด้วยพลัง ถึงแม้ในกระเป๋าจะไม่มีตังค์ แต่ในใจมันมีไฟที่ลุกโชนตลอดเวลาว่า "วันหนึ่งสินค้าฉันต้องดัง" "วันหนึ่งฉันต้องมีแบรนด์ของตัวเอง"

จุดเปลี่ยนผ่าน : เมื่อโลกเปลี่ยน เราต้อง "กลายพันธุ์"

จากตลาดนัดแผงลอย วันหนึ่งโลกมันเหวี่ยงเราเข้าสู่ยุคออนไลน์ เต็มตัว ช่วงแรกบอกตรงๆ ว่า "ไปไม่เป็น" ครับ เหมือนคนหลงยุค เราชินกับการคุยกับลูกค้าเห็นหน้าค่าตา พอมาอยู่บนหน้าจอ พิมพ์ตอบแชท มันคนละเรื่องเลย

ช่วงแรกที่ทำแบรนด์ออนไลน์ ผมล้มเหลวไม่เป็นท่า สินค้าตัวเดิมที่เคยขายดีหน้าร้าน พอมาวางขายบนเว็บ รูปถ่ายไม่สวย แคปชั่นไม่โดน แพ็กเกจจิ้งบ้านๆ ที่เคยใช้ได้ผลที่ตลาดนัด กลายเป็นของราคาถูกในสายตาชาวเน็ต

ตอนนั้นผมเกือบถอดใจ... แต่ก็นึกถึงความอดทนสมัยขายของตากฝนขึ้นมาได้ ผมเลยเริ่มปรับตัวครั้งใหญ่ ผมเรียนรู้เรื่อง "แพ็กเกจจิ้ง" (Packaging) ใหม่หมด จากใส่ถุงก๊อบแก๊บ เปลี่ยนมาเป็นกล่องที่ดูดี มีโลโก้ชัดเจน ออกแบบให้คนเห็นแล้วอยากหยิบ อยากถ่ายรูปโชว์ ผมเรียนรู้เรื่อง "การตลาด" ว่าเราไม่ได้ขายแค่ของ แต่เราขาย "ความเชื่อมั่น" และ "เรื่องราว"

ถ้าเปรียบเทียบธุรกิจเป็นคน การปรับตัวช่วงนั้นก็เหมือนเราตายแล้วเกิดใหม่ เป็นอีกชาติภพหนึ่งที่ทันสมัยขึ้น หล่อขึ้น ดูดีขึ้น แต่ข้างในจิตวิญญาณยังเป็น "พ่อค้าคนเดิม" ที่ใส่ใจลูกค้าเหมือนญาติพี่น้อง

ทำไมต้องย้อนอดีต? ในวันที่เราประสบความสำเร็จแล้ว

ข้ามเวลามาปัจจุบัน... ตอนนี้ผมอายุ 40 แล้ว ธุรกิจที่เคยล้มลุกคลุกคลาน ตอนนี้มีทีมงาน มีระบบ มีแบรนด์ที่คนรู้จัก ยอดขายเสถียรจนผมแทบไม่ต้องลงไปแพ็กของเองแล้ว

แต่เชื่อไหม? ความสบายเนี่ยแหละตัวดี พอมันสบายปุ๊บ "ไฟ" มันเริ่มมอด เราเริ่มทำตามสูตรสำเร็จเดิมๆ ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าลองของใหม่ กลัวเสียแบรนด์ กลัวเจ๊ง จนกลายเป็นคนทำธุรกิจแบบเพลย์เซฟ (Play Safe) น่าเบื่อๆ คนหนึ่ง

นี่แหละคือเหตุผลที่ผมต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อบอกทุกคนว่า การทำธุรกิจมันต้องมีการ สะกดจิตย้อนอดีตชาติ เพื่อดึงสติกันบ้าง ลองกลับไปนึกถึงวันที่คุณต้องสู้เพื่อให้ได้ออเดอร์แรกดูสิ ความตื่นเต้นตอนเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าครั้งแรก... คุณจำความรู้สึกนั้นได้ไหม?

ถ้าคุณลืมมันไปแล้ว คุณกำลังตกอยู่ในอันตรายครับ เพราะคู่แข่งหน้าใหม่ที่ไฟแรงกว่า เขากำลังวิ่งไล่กวดคุณมาติดๆ ด้วยความหิวกระหายแบบที่คุณเคยเป็น

3 วิธีปลุกไฟ โดยใช้บทเรียนจาก "อดีตชาติ" ของเราเอง

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า "เออ... ฉันก็เริ่มหมดไฟเหมือนกัน" ผมมีวิธีง่ายๆ ที่ผมใช้กับตัวเองเป็นประจำครับ

  1. กลับไปดู "แพ็กเกจจิ้งเวอร์ชันแรก" ของคุณ ลองไปขุดรูปเก่าๆ หรือถ้าใครยังเก็บกล่อง/ถุง เวอร์ชันแรกสุดเอาไว้ เอามาวางคู่กับสินค้าปัจจุบันของคุณดูครับ การเปรียบเทียบนี้มันเห็นภาพชัดยิ่งกว่าการ สะกดจิตย้อนอดีตชาติ เสียอีก คุณจะเห็นพัฒนาการของตัวเอง เห็นความพยายามที่คุณทุ่มเทลงไป มันจะทำให้คุณภูมิใจและรู้ว่า "เฮ้ย เราก็มาไกลเหมือนกันนะ" และเราจะไปต่อได้ไกลกว่านี้อีก                                                  
  2. ลงไปคุยกับลูกค้าด้วยตัวเองบ้าง สมัยขายตลาดนัด เราคุยกับลูกค้าจนคอแห้ง แต่พอเป็น CEO เรานั่งดูแต่กราฟหลังบ้าน ลองกลับไปตอบแชทเองบ้าง หรือโทรไปขอบคุณลูกค้า VIP ด้วยตัวเองบ้าง เสียงตอบรับจากคนจริงๆ นี่แหละคือน้ำมันชั้นดีที่เติมไฟได้ไวที่สุด                                                                                             
  3. กล้าที่จะ "เล่นท่า" เหมือนตอนไม่มีอะไรจะเสีย ตอนเราตัวเล็กๆ เรากล้าลองผิดลองถูกสารพัด แต่พอตัวใหญ่เราขยับตัวยาก ลองแบ่งงบก้อนเล็กๆ มาทำโปรเจกต์สนุกๆ ดูครับ ทำคอนเทนต์บ้าๆ บอๆ หรือออกสินค้าแปลกๆ ที่ฉีกแนวเดิมดูบ้าง ให้เลือดลมมันสูบฉีดเหมือนตอนหนุ่มๆ

 

อดีตคือครู ปัจจุบันคือผลลัพธ์ อนาคตคือสิ่งที่เราเลือก

สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากถึงเพื่อนผู้ประกอบการทุกคน ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มขายของ หรือเป็นเจ้าของกิจการร้อยล้านแล้ว อย่าลืม "กำพืด" ทางธุรกิจของตัวเองครับ

อย่าลืมวันแรกที่คุณแบกโต๊ะพับไปกาง อย่าลืมลูกค้าคนแรกที่ควักเงินซื้อของที่คุณทำเองกับมือ เรื่องราวพวกนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันคือตำนานบทแรกของคุณ มันคือ Storytelling ที่ทรงพลังที่สุดที่ไม่มีใครก๊อปปี้ได้

ถ้าวันไหนท้อ... ให้ลองหลับตา แล้วทำเหมือนที่ผมบอก ลอง สะกดจิตย้อนอดีตชาติ กลับไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นที่กำลังยืนขายของอยู่กลางแดด บอกเขาว่า "ขอบใจนะที่แกไม่ยอมแพ้ในวันนั้น... วันนี้ฉันเลยมีทุกอย่าง"

แล้วลืมตาขึ้นมาสู้ต่อครับ วงการนี้คนเก่งอยู่ได้ไม่นานเท่าคน "อึด" และคนที่ "ไม่ลืมตัวตน" เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ลุย!