เปลี่ยนแบรนด์บ้านๆ ให้ดูแพงด้วยเทคนิคเลือกสี 'ขวดเซรั่ม' ฉบับคนงบน้อย! เผยความลับจิตวิทยาสีที่ช่วยอัปเกรดสินค้าให้ดูอินเตอร์ ยอดขายพุ่งทันตาเห็น
เชื่อไหมคะว่า... กว่าพี่จะมีวันนี้ วันที่แบรนด์เราส่งออกไปต่างประเทศได้ วันที่ยอดโอนเด้งรัวๆ แบบที่ฝันไว้ พี่เคยนั่งตบยุงอยู่ที่ตลาดนัดมาก่อน
ตอนนั้นจำได้แม่นเลย พี่มีเงินก้อนสุดท้ายจากการทำงานประจำ ตัดสินใจออกมาทำครีมขายเองด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม สูตรนี่คือดีที่สุด คัดสารสกัดนำเข้าอย่างดี ใส่เต็มแม็กซ์ไม่หวงของ กะว่าลูกค้าใช้แล้วต้องกรี๊ด ต้องกลับมาซื้อซ้ำแน่นอน พี่จัดโต๊ะพับตัวเล็กๆ ปูผ้าปูโต๊ะลายลูกไม้ที่แม่ให้มา แล้ววางเรียงสินค้าด้วยความภาคภูมิใจ
แต่เชื่อมั้ย... ผ่านไป 3 วัน ขายไม่ได้เลยสักชิ้น
ลูกค้าเดินผ่าน หยิบดู พลิกไปพลิกมา แล้วก็วาง บางคนถามราคาพอพี่บอกไป เขาก็ทำหน้าตกใจแล้วเดินหนี คำถามที่เจ็บจี๊ดที่สุดที่ได้ยินคือ "ของตลาดนัดทำไมแพงจังป้า?" (ตอนนั้นยังไม่ป้าขนาดนี้นะ!) พี่กลับบ้านไปร้องไห้เลยนะ คือเราน้อยใจว่าทำไมเขาไม่ดูที่ "คุณภาพข้างใน" ทำไมเขาตัดสินเราแค่เปลือกนอก
จนวันหนึ่ง พี่มีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่ที่เขาทำแบรนด์จนติดตลาด เขาหยิบสินค้าพี่ขึ้นมาดูแล้วพูดประโยคหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตพี่ไปตลอดกาล เขาบอกว่า "สินค้าน่ะดี แต่หน้าตามันดูราคาหลักร้อย ต่อให้ข้างในเป็นทองคำ ถ้าใส่ถุงก๊อบแก๊บมา คนเขาก็ไม่กล้าจ่ายราคาหลักพันหรอกนะ"
วันนั้นพี่ถึงบางอ้อเลยค่ะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เนื้อครีม แต่มันอยู่ที่ "แพ็กเกจจิ้ง" โดยเฉพาะการเลือกสีและการดีไซน์ที่พี่มองข้ามมาตลอด พี่เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงนี้ให้น้องๆ ที่กำลังเริ่มต้นทำแบรนด์ หรือกำลังติดปัญหาขายของไม่ออก ให้ลองกลับมาดูเรื่องง่ายๆ ที่ทรงพลังอย่าง "จิตวิทยาสี" กันค่ะ
กับดัก "ความชอบส่วนตัว" ที่ทำให้แบรนด์ไม่โต
ความผิดพลาดแรกของพี่ คือพี่เลือกสีตามใจตัวเองค่ะ พี่ชอบสีชมพูบานเย็น พี่ก็จัดเลย ขวดพลาสติกสีชมพูแปร๊ด ฝาสีทองเงาๆ วิบวับ เพราะคิดว่ามันดูเด่น ดูสะดุดตาดี แต่นั่นแหละค่ะ คือหลุมพราง ในสายตาลูกค้า สีที่ฉูดฉาดเกินไป วัสดุที่ดูพลาสติกจ๋าๆ มันสื่อถึงความเป็น "ของเล่น" หรือ "สารเคมีรุนแรง" มากกว่าจะเป็นสกินแคร์ที่อ่อนโยนและน่าเชื่อถือ
พอลูกค้าเห็นสีแบบนั้น สมองเขาจะตีราคาในใจทันทีว่า "เจ้านี้ไม่น่าแพง" พอเราบอกราคาจริงที่คำนวณจากต้นทุนสารสกัดพรีเมียมไป เขาเลยรู้สึกว่าแพงเกินจริง ทั้งที่จริงๆ แล้วเราแทบไม่ได้กำไรเลยด้วยซ้ำ
เปลี่ยนสี เปลี่ยนชีวิต : เทคนิคอัปเกรดราคาด้วยโทนสี
หลังจากโดนทักวันนั้น พี่รื้อใหม่หมดเลยค่ะ ยอมทิ้งล็อตเก่า (เจ็บแต่จบ) แล้วเริ่มศึกษาเรื่อง Color Psychology หรือจิตวิทยาสีอย่างจริงจัง จนค้นพบสูตรลับฉบับคนงบน้อย แต่อยากดูแพง
1. Less is More : ขาว ดำ ทอง คลาสสิกตลอดกาล ถ้าน้องงบน้อย แล้วไม่รู้จะไปทางไหน พี่แนะนำ "ความมินิมอล" ค่ะ การใช้ขวดสีขาวด้าน (Matte White) หรือสีดำด้าน ตัดกับตัวอักษรสีดำหรือทองเพียงเล็กน้อย มันให้ความรู้สึก "คลีน" และ "โปรเฟสชั่นแนล" ทันที แบรนด์เคาน์เตอร์แบรนด์ส่วนใหญ่ก็เล่นท่านี้กันทั้งนั้น เพราะสีขาวสื่อถึงความบริสุทธิ์ สะอาด ปลอดภัย ส่วนสีดำสื่อถึงความหรูหรา ลึกลับ น่าค้นหา แค่เปลี่ยนสีขวด มูลค่าในสายตาลูกค้าก็เพิ่มขึ้นมาทันที 50%
2. Earth Tone : สายออร์แกนิกต้องมาทางนี้ ช่วงหลังๆ เทรนด์รักโลกมาแรง ถ้าจุดขายของน้องคือสารสกัดจากธรรมชาติ สมุนไพร หรือความอ่อนโยน ลองมองหาโทนสีเขียวใบไม้ สีน้ำตาลเปลือกไม้ หรือสีครีมตุ่นๆ ดูค่ะ สีพวกนี้มันบอกลูกค้าโดยไม่ต้องพูดว่า "ฉันมาจากธรรมชาตินะ" และที่สำคัญ มันทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย สบายตา น่าหยิบจับ
3. วัสดุต้องแมตช์กับสี : ความแพงอยู่ที่ Texture สีเดียวกัน แต่อยู่บนวัสดุต่างกัน ความรู้สึกก็ต่างกันนะ สีเงินบนพลาสติกบางๆ อาจดูเหมือนของเด็กเล่น แต่สีเงินบนวัสดุผิวด้าน หรือบนแก้วที่มีน้ำหนัก จะดูเป็นนวัตกรรมทันที ตอนที่พี่ไปเลือก ขวดเซรั่ม ล็อตใหม่ที่โรงงาน พี่เสียเวลาเลือกวัสดุนานมาก ลองจับ ลองลูบ ลองชั่งน้ำหนักในมือ เพราะสัมผัสแรก (First Touch) คือด่านสำคัญที่จะบอกว่าเงินที่ลูกค้าจ่ายมาคุ้มค่าหรือเปล่า
เรื่องเล่าของ "ขวดสีชา" ผู้กอบกู้แบรนด์
ตอนที่พี่ออกสินค้าตัวที่เป็น Vitamin C เข้มข้น ตอนแรกพี่จะใช้ขวดใสโชว์เนื้อเซรั่มสีส้มสวยๆ แต่โรงงานเบรกไว้ก่อน เขาบอกว่าวิตามินซีมันไวต่อแสง ถ้าโดนแสงนานๆ สีจะเปลี่ยน คุณภาพจะดรอป พี่เลยต้องเปลี่ยนแผนมาใช้ขวดสีชา (Amber Glass)
เชื่อมั้ยคะว่า ตอนแรกพี่กลัวมันจะดูแก่ ดูเหมือนยาแก้ไอ แต่พอเราเอามาแมตช์กับฉลากดีไซน์คลีนๆ สีครีม ตัดฟ้อนต์แบบ Serif (แบบมีหัว) นิดๆ กลายเป็นว่ามันดู "ขลัง" ขึ้นมาทันที ลูกค้าเห็นปุ๊บ รู้สึกเลยว่านี่คือ "เวชสำอาง" นี่คือของที่หมอหรือผู้เชี่ยวชาญใช้กัน กลายเป็นว่า ขวดเซรั่ม สีชาธรรมดาๆ ที่ราคาต้นทุนถูกกว่าขวดแฟนซี กลับสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย เพราะมันสื่อสารความ "Professional" ได้ตรงจุด
ถ่ายรูปสวยมีชัยไปกว่าครึ่ง
ในยุคที่เราขายของออนไลน์ "รูปภาพ" คือหน้าร้านของเราค่ะ น้องต้องคิดเผื่อไปถึงตอนถ่ายรูปด้วย สีบางสีสวยตอนดูด้วยตาเปล่า แต่พอเข้ากล้องแล้วจมหาย หรือสะท้อนแสงจนไม่เห็นโลโก้
พี่เคยพลาดสั่งขวดสีเงินเงาวับมา สรุปถ่ายรูปยากมาก สะท้อนเห็นหน้าคนถ่าย เห็นขาตั้งกล้อง ต้องมานั่งรีทัชกันตาแตก แต่พอเปลี่ยนมาเป็นสีด้าน หรือสีพาสเทลนุ่มๆ วางคู่กับพรอพถ่ายรูปนิดหน่อย แสงธรรมชาติสาดเข้ามา โอ้โหน้องเอ๊ย... มันดู "แพง" แบบไม่ต้องพยายาม ยิ่งถ้าเราเลือกรูปทรง ขวดเซรั่ม ที่จับถนัดมือ มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงาม เวลาจ้างนางแบบถือ หรือ Influencer รีวิว มันจะดู High Fashion ขึ้นมาทันที
อย่าให้เปลือกนอกทำร้ายความตั้งใจข้างใน
พี่อยากฝากบอกน้องๆ ทุกคนนะคะว่า การทำแบรนด์สกินแคร์ในยุคนี้ "คุณภาพ" คือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับเรา แต่ "รูปลักษณ์" คือสิ่งที่ทำให้เขาเปิดใจลองเราในครั้งแรก
อย่ามองว่าการเลือกแพ็กเกจจิ้งเป็นแค่เรื่องของที่ใส่ของ แต่มันคือการลงทุนกับ "ภาพลักษณ์" ที่คุ้มค่าที่สุด เราไม่ต้องมีงบเป็นล้านเพื่อจ้างเอเจนซี่ออกแบบระดับโลกหรอกค่ะ แค่เราเข้าใจจิตวิทยาสี เข้าใจกลุ่มลูกค้าของเรา และเลือก ขวดเซรั่ม ที่สื่อสารตัวตนของแบรนด์เราได้ชัดเจนที่สุด แค่นี้แบรนด์เล็กๆ จากโต๊ะพับตลาดนัด ก็สามารถดูหรูหราเหมือนแบรนด์ในห้างได้
วันนี้พี่ดีใจมากที่แบรนด์ของพี่เติบโตมาได้ขนาดนี้ แต่พี่ไม่เคยลืมวันแรกที่พี่นั่งเลือก ขวดเซรั่ม ด้วยตัวเองทีละใบ การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละค่ะ คือหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการตัวจริง
ขอให้น้องๆ สนุกกับการสร้างแบรนด์นะคะ อย่าเพิ่งท้อถ้าวันนี้ยังขายไม่ได้ ลองถอยออกมามองแบรนด์ตัวเองในมุมคนนอก ปรับนิด เปลี่ยนหน่อย บางที "เงินล้าน" อาจจะรอเราอยู่แค่เอื้อมก็ได้ค่ะ สู้ๆ นะคะทุกคน!