เปิดกล่องเทียบแพ็คเกจครีม "Shopee vs ห้าง" ใครปังกว่า ใครพังบ้าง มาดู!

ในยุคที่ครีมหน้าใสมีขายกันแทบทุกแพลตฟอร์ม แพ็คเกจจิ้งกลายเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญไม่แพ้คุณภาพของเนื้อครีม เพราะมันสะท้อนทั้ง "ความตั้งใจของแบรนด์" และ "ประสบการณ์ของผู้ใช้" ซึ่งไม่ว่าจะซื้อออนไลน์อย่าง Shopee หรือเดินช้อปในห้างใหญ่ ๆ ต่างก็มีจุดเด่น จุดด้อยที่เห็นได้ชัด

เราได้ลองซื้อครีมบำรุงผิวหน้าจากสองแหล่ง คือ

•  แบรนด์ A ผ่าน Shopee ราคาประมาณ 290 บาท
•  แบรนด์ B จากห้างชั้นนำ ราคา 690 บาท

แม้จะต่างกันทั้งในด้านราคาและบรรยากาศการซื้อ แต่สิ่งที่เราจะโฟกัสในบทความนี้คือ “แพ็คเกจจิ้ง” ล้วน ๆ มาดูกันว่าใครจะปังกว่า!

กระปุกครีมที่ได้จาก Shopee แพ็คมาในกล่องกระดาษบาง ๆ ห่อด้วยพลาสติกกันกระแทกอีกชั้นหนึ่ง จุดที่น่าชื่นชมคือ "ความพยายามในการห่อหุ้มให้แน่นหนา" แต่เมื่อเปิดออกมาปุ๊บ ความประทับใจก็ลดลงเล็กน้อย

กระปุกครีมเป็นพลาสติกน้ำหนักเบา ฝาเกลียวหลวมเล็กน้อย ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในเรื่องการกันอากาศหรือกันเชื้อโรคจากภายนอก แต่ดีไซน์ของฉลากมีความน่ารัก มินิมอล ถ่ายรูปสวย ถ้าเอาไว้ตั้งโต๊ะก็ยังดูเก๋ ๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือวัสดุที่ใช้ “ดูบางเบาและราคาย่อมเยา” สมกับราคาที่จ่ายไป ซึ่งอาจเหมาะสำหรับคนที่มองหาครีมทดลองหรือซื้อใช้ชั่วคราว

เมื่อเดินเข้าไปซื้อในห้าง ครีมอีกแบรนด์มาพร้อมกล่องแข็งแรง มีซีลพลาสติกแน่นหนา และพนักงานห่อกระดาษอีกชั้นให้พร้อมใส่ถุงดูหรูหรา

ตัวกระปุกเป็นแก้วหนา น้ำหนักพอสมควร ให้ฟีลลิ่งระดับพรีเมียม ฝาปิดแน่นไม่มีช่องอากาศ ดีไซน์แม้จะดูเรียบง่ายแต่ “ให้ความรู้สึกของแบรนด์ที่ผ่านการคิดมาอย่างดี” นอกจากนี้ยังมีฉลากภาษาไทย-อังกฤษครบถ้วน พร้อมวันที่ผลิตและหมดอายุแบบชัดเจน

จุดที่รู้สึกประทับใจคือ เมื่อใช้ไปได้สักพัก กระปุกก็ยังดูใหม่ ไม่ซีด ไม่ลอก ต่างจากบางแบรนด์ราคาถูกที่ฉลากหลุดภายในไม่กี่วัน

แม้เนื้อครีมอาจมีคุณภาพคล้ายกัน แต่ “ประสบการณ์การใช้งาน” ที่เกิดจากแพ็คเกจจิ้งนั้นต่างกันมาก บรรจุภัณฑ์จากห้างให้ความรู้สึกมั่นใจทั้งด้านสุขอนามัยและความใส่ใจของแบรนด์ ในขณะที่ครีมจาก Shopee แม้จะราคาถูกและดีไซน์เก๋ แต่ก็ยังมีจุดที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจหากต้องใช้ระยะยาว

ดังนั้น ถ้าเป็นครีมที่ใช้เป็นประจำ การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องสวยงาม แต่ยังเป็นการลงทุนใน "ความปลอดภัยของผิว" ด้วย